‘สิปปกร นครจินดา’ ศิลปินจิตรกรรมแห่งรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร กับผลงานของเขาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของสัตว์ ที่เขาจะมาเล่าให้เราฟังถึงมุมมองที่เราอาจไม่เคยสนใจมาก่อน
ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่บ้าง ?
ด้านการเรียนตอนนี้ผมศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากร คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ งานที่เห็นคือศิลปนิพนธ์ของผม เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ ชื่อ “ลุกยัง” ซึ่งเป็นนิทรรศการศิลปะที่จะจัดแสดงขึ้นโดยนักศึกษาคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์รุ่น 68 งานที่ทำระหว่างเรียนจะเป็นงานที่เกี่ยวกับศิลปะทั้งสิ้น เช่น เป็นศิลปินขายงานศิลปะ รับจ้างวาดภาพให้บริษัทต่างๆ ตกแต่งภายใน ออกแบบโลโก้ ออกแบบเสื้อขายกับเพื่อน จัดนิทรรศการร่วมกับเพื่อน วาดภาพตามออเดอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย ในงานส่วนที่ไม่เกี่ยวกับศิลปะก็มีบ้าง เช่น เคยเป็นพ่อครัวและกรรมกรอยู่ที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ 4 เดือน ขายของออนไลน์แต่ตอนนี้ปิดกิจการไปเรียบร้อยแล้วครับ ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต
เล่าให้เราฟังหน่อยว่า คุณเริ่มสนใจศิลปะเพราะอะไร ?
ในช่วงที่ผมเป็นเด็กผมมีความคลั่งไคล้ในการวาดรูปเป็นอย่างมากเรียกได้ว่าเห็นกระดาษเป็นไม่ได้ จะต้องเอามาขีดๆ เขียนๆ ตามจินตนาการ ส่วนใหญที่วาดจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการรบระหว่าง ไทย กับ พม่า ในตอนนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องวาดรูปแบบนี้ซ้ำๆ พออายุได้ประมาน 9 ขวบ ทางครอบครัวผมเห็นแววในการวาดภาพของผม จึงส่งไปเรียนพิเศษกับอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์คนแรกที่ผมเคารพมากที่สุด ท่านได้สอนการวาดรูปอย่างจริงจัง ทำให้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ผมเรียนกับอาจารย์ท่านนี้จนถึง ม.ปลาย และสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรได้ ในชีวิตของผมเรียกได้ว่าตอนนี้ผมวาดรูปมาตลอดชีวิต จึงทำให้เกิดความผูกพันกับศิลปะมาก
ส่วนใหญ่ผลงานของคุณพูดถึงสัตว์ต่างๆ อะไรคือสิ่งที่คุณสนใจ ?
ในงานของผมจะพูดเกี่ยวกับสิทธิของสัตว์ในปัจจุบัน จะสะท้อนการกระทำของมนุษย์กับสัตว์โดยใช้สัญลักษณ์สากลแบบเรียบง่าย โดยมีแนวความคิดว่าสัตว์ควรอยู่ในที่ๆ สัตว์ควรจะอยู่เพราะทุกชีวิตต้องการอิสรภาพ แต่มนุษย์ไม่ได้คิดว่านั่นคือชีวิต การนำสัตว์ป่ามาเลี้ยง การฆ่าสัตว์เพื่อความบันเทิง การใช้งานสัตว์ การนำสัตว์มากักขัง เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการละเมิดสิทธิของสิ่งมีชีวิตร่วมโลกเป็นการตีกรอบให้สัตว์โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของสัตว์ ความเจ็บปวดของสัตว์เลย จึงทำให้เกิดผลงานเหล่านี้ขึ้นมา
คุณมองชีวิตของสัตว์อย่างไร ตามมุมมองของคุณ ?
ชีวิตของสัตว์หนึ่งชีวิตก็เท่ากับชีวิตคนหนึ่งชีวิต สิทธิควรเท่าเทียมกันโดยไม่แบ่งแยกว่าคุณเป็นมนุษย์หรือสัตว์ ถึงแม้สัตว์จะเรียกร้องออกมาเป็นคำพูดไม่ได้แต่มนุษย์ก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ความเจ็บปวดของสัตว์ก็เท่ากับความเจ็บปวดของมนุษย์เช่นกัน
เท่าที่เห็น คุณมีวิธีที่น่าสนใจกับการนำเสนองานของคุณ อย่างตัววัสดุหรืออย่างการจัดวางภาพที่ดูมีเสน่ห์ ?
การทำเฟรมแต่ละครั้งต้องใช้ความยากลำบากเพราะเฟรมของผมไม่เหมือนกับเฟรมทั่วไปจะแตกต่างกันมาก เพราะต้องใช้การวัดเพื่อที่จะให้แต่ละมุมนั้นได้องศาตามที่เราต้องการไม่อย่างนั้นการลวงตาก็จะไม่เกิดผล จึงต้องปราณีตเป็นพิเศษ ในการทำเฟรมจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการทำงาน เรื่องถัดมาคือเรื่องของการลงสี สีที่ใช้จะมีโทนสีที่ตัดกัน เพื่อให้เกิดมิติและความหมาย โทนสีส่วนใหญ่จะเป็นสีสดและตัดกับสีขาวดำ และการเลือกแบบนั้นต้องไปถ่ายจากสถานที่จริงแต่ถ้าองค์ประกอบไม่ได้จริงก็จะตัดมาจากอินเตอร์เนตเพื่อความสมบูรณ์ของภาพ
คุณมองงานศิลปะของคุณ ไว้อย่างไรบ้างในตอนนี้ ถึงการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาในตัวเทคนิคและคอนเซปต์ ?
ในตอนนี้คอนเซปต์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแต่จะมีเรื่องของการพัฒนาตัวเทคนิคและรูปแบบ ที่จะใช้ความละเอียดมากขึ้น ต้องคอยติดตามชมครับ
ชีวิตสัตว์ให้อะไรกับคุณบ้าง ?
ชีวิตสัตว์แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันไปตามภูมิประเทศในแต่ละที่ ในสัตว์แต่ละชนิดก็มีการเอาตัวรอดในแบบของสัตว์ ผมจึงคิดว่าการเอาตัวรอดของสัตว์นั้นมีความมหัศจรรย์มาก ถ้าเรามีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเหมือนสัตว์ได้ ปัญหาที่ว่ายากเราก็จะสามารถผ่านมันไปได้ โดยไม่เกิดปัญหาใดๆ การที่ผมได้ดูสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ ผมเห็นความสวยงามของธรรมชาติจึงไม่อยากให้สัตว์เหล่านี้สูญหายไปจากโลกนี้
นอกเหนือจากงานศิลปะแล้ว คุณทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับสัตว์บ้างมั้ย ?
ครอบครัวของผมนั้นผูกพันธ์กับสัตว์มาตั้งแต่บรรพบุรุษเรียกได้ว่าเลี้ยงสัตว์มาทุกรุ่นจึงเข้าความเป็นสัตว์โดยให้ความรักเสมือนคนในครอบครัว มีสุนัขหรือแมวที่หลงมาครอบครัวของผมจะอุปการะไว้จนตอนนี้บ้านผมเต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด เช่น สุนัข แมว เต่า ปลา กระรอก เป็นต้น จึงทำให้ผมมีความรักสัตว์มากเป็นพิเศษ ถ้ามีโอกาสได้ช่วยผมก็จะช่วยเหลือทันที บางส่วนก็หาบ้านให้มันไปเจอเจ้าของที่พร้อมจะดูแล ผมจะทำบุญกับสัตว์มากกว่าคน เพราะผมคิดว่าสัตว์นั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่คนนั้นมีสติปัญญาที่เหนือกว่าก็น่าจะเอาตัวรอดได้ เป็นทัศนคติส่วนตัวตอนที่ไปเจอขอทานผมจะไม่ให้เงิน แต่เจอช้างที่เดินเร่ร่อนผมก็จะให้มันกินแต่ผมไม่สนใจว่าคนได้เงินไปจะเอาไปทำอะไร แต่ผมสนใจแค่ช้างได้กินก็พอ จึงทำให้เกิดงานศิลปะเหล่านี้ขึ้นผ่านความคิดส่วนตัวที่ได้กล่าวไป
การทำงานศิลปะของคุณจากวันแรกจนถึงตอนนี้ คุณมองอนาคตข้างหน้าไว้อย่างไรบ้างกับเส้นทางของคุณ ?
ผมคิดว่าการทำศิลปะเป็นการบำบัดจิตอย่างหนึ่งทำให้เราสงบ มีสมาธิ ทำอะไรอย่างมีสติ ซึ่งเป็นผลดีอย่างมากในการดำเนินชีวิต ฉะนั้นผมจะทำศิลปะไปตลอดชีวิตและฟื้นฟูสภาพป่าโดยถ่ายทอดผ่านงานศิลปะของผม เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงธรรมชาติที่กำลังจะหายไป ผมจะเป็นหน่วยเล็กๆ ที่จะช่วยฟื้นฟูผืนป่าให้ดีขึ้น ปรับทัศนคติให้ทุกคนกลับมารักธรรมชาติมากขึ้น
*Follow : ติดตามผลงานและร่วมพูดคุยกับเขาได้ที่*
FB : สิปปกร นครจินดา
EMAIL : buffy.kk@msn.com