Interview : ‘RUA Crew’ skip to Main Content

Interview : ‘RUA Crew’

บทสัมภาษณ์ Episode แรกจากหนึ่งในกลุ่มกราฟฟิตี้สัญชาติไทย ที่เดินทางสร้างสรรค์ผลงานมาแล้วกว่า 10 ปี กับเรื่องราวในวัฒนธรรมกราฟฟิตี้ที่น่าสนใจที่สมาชิกเเต่ละคนนั้นจะมาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ / ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมกราฟฟิตี้และที่มาที่ไปในการมารวมกลุ่มสร้างสรรค์งานจากพวกเขา

สมาชิกแต่ละคน ?

Zarim / Kang 444 / Pong / Deio / Sira / Triple / Dizer / Akie One / Gumdik / Jesus103 / Parko / Berk / Touchy (China)

จุดเริ่มต้นของกลุ่ม RUA ?

Jesus : จุดเริ่มต้นตอนนั้นเรามาพ่นให้ปกนิตยสาร Cheeze กัน แล้วช่วงนั้นพวกเราก็ค่อนข้างเที่ยวผับแถวย่าน RCA บ่อย เราก็เลยมีไอเดียถ้าจะมีชื่อกลุ่มเราเปลี่ยนจาก RCA มาเป็น RUA สิ ซึ่งแต่เดิมเนี่ย ชื่อมันมีที่มาจาก ‘Royal Udomsuk Avenue’ โดยพวกเราก็จะอยู่แถวๆ ย่านอุดมสุขกัน แต่สุดท้ายก็มาเปลี่ยนเป็น ‘Royal Underground Aggressive’ ที่มีความหมายสื่อถึงแม้เราจะอยู่ใต้ดิน แต่เราจะพยายามทำให้มีมาตรฐาน

 

ก่อตั้งมาประมาณกี่ปี ?

Jesus : น่าจะประมาณปี 2004 นะ

ยุคนั้นมีพื้นที่หรือสถานที่ที่ทำกันประจำบ้างมั้ย ?

Jesus : ก็เป็นโซนแถวๆ ศรีนครินทร์ / บางนา / อุดมสุข / สุขุมวิท  คือในยุคนั้นพอเราตั้งเป็นกลุ่มกันแล้ว เราก็จะไปทำเกือบทุกๆ ที่เลยนะ ถ้านอกจากนี้ ก็จะเป็นแถวรัชดา / ลาดพร้าว ก็ไป

 

 

อยากให้แต่ละคน ช่วยเล่าจุดเริ่มต้นของการมาทำกราฟฟิตี้ ?

Jesus : มันก็เกิดจากความชอบแหละ เราเห็นจากในแม็กกาซีน จนมันเกิดความสนใจอยากลองทำ แรกๆ ที่ทำเริ่มจากการใช้สีชอล์คเขียนบนกำเพงเลย คือตอนนั้นเรายังไม่รู้เท่าไหร่ ว่าสเต็ปของกราฟฟิตี้ต้องยังไงบ้าง คือยุคนั้นถ้าชัดๆ หน่อยก็น่าจะเห็นมาจากปกเทปวง Limp Bizkit ด้วย ที่มันทำให้ความสนใจเกี่ยวกับกราฟฟิตี้นั้นมีมากขึ้น

Zarim : เริ่มตั้งแต่สมัยเรียนเลย เวลาอยู่ห้องเรียนศิลปะ เราก็ชอบวาดพวกกราฟฟิตี้ลงบนกระดาษ หลังจากนั้นก็เริ่มทำบนกำแพงข้างบ้าน ซึ่งจุดเริ่มก็น่าจะมาจากตรงนี้

Kang 444 : น่าจะเริ่มจากตอนที่เรียนอยู่ที่ช่างศิลป์ เห็นลายกราฟฟิตี้มาจากสเก็ตบอร์ดของเพื่อน เราชอบพวกสีและการตัดเส้นของมัน แล้วก็มาเห็นจากพวกปกเทปดนตรีแนวนูเมทัล

Pong : ช่วงนั้นเราจะอยู่แถวบางนา จะเห็นงานกราฟฟิตี้ของ ‘Shock’ เยอะไปหมด เราก็เลยอยากลองวาดดูบ้าง

Deio : เราจะมาจากเด็กเม็กซิกัน ช่วงมัธยมต้นเราจะแต่งตัวแนวนี้ แล้วเราก็อยากให้แก๊งค์ของตัวเองมีชื่อ แล้วเราก็เริ่มเขียนชื่อบนรถเมล์ เขียนตามตู้แถวๆ ย่านลาดพร้าว / จตุจักร

Berk : เราเริ่มจากการเล่นสเก็ตบอร์ด แล้วก็เห็นกราฟฟิตี้จากหลายๆ ที่ ซึ่งการเล่นสเก็ตบอร์ดมันทำให้เราเห็นงานพวกนี้บ่อย มันก็ค่อยๆ ซึมซับมา แต่ตอนนั้นเนี่ย เรายังไม่ค่อยกล้าพ่นเท่าไหร่ เพราะยังไม่รู้อะไรเลยว่าขั้นตอนของมันเป็นยังไง ประวัติศาสตร์เริ่มมายังไง แล้วก็ได้พี่เอก (Akie One) ช่วยแนะนำและผลักดันให้เราได้ลองพ่นจริงๆ

Sira : เริ่มจากฟังเพลงตามพี่ชาย ยุคนั้นก็จะเป็นวงดาจิมหรือปกก้านคอคลับที่เป็นนักมวยสีทองดำ เราก็เริ่มวาดตาม ประจวบกับบ้านเราอยู่แถวอ่อนนุชด้วย เราได้เห็นกราฟฟิตี้บ่อยขึ้น แล้วก็มาเจอกับพี่เก่ง (Kang444) พี่เขาก็มาช่วยปลุกไฟตัวเราด้วย ก็เลยเกิดความสนใจมาตั้งแต่ตอนนั้น

Triple : เราเห็นจากในวีดีโอสเก็ตบอร์ด / พวกแผ่น Deck ต่างๆ จนเกิดความสนใจ ตอนนั้นเราก็เริ่มจากการวาดลงบนโต๊ะในห้องเรียนเลย

Akie One : ช่วงประมาณเด็กๆ เลย มีรุ่นพี่มาจากอเมริกาเอาวีดีโอ Breakdance มาให้ดู เราก็ชอบเพราะมันรวมความเป็น element เอาไว้ทั้งหมด หลังจากนั้นก็มาดูตามนิตยสารสเก็ตบอร์ดและนิตยสารฮิปฮอป อย่าง ‘The Source’ แล้วช่วงนั้นก็มีร้าน street wear ยุคแรกๆ อย่างร้านพี่ฉุยในมาบุญครอง เขาจะเอาเสื้อกราฟฟิตี้มาเยอะมาก ซึ่งมันก็ค่อยๆ เป็นจุดเริ่มของเรา

Dizer : เราไปเจอเอ็มวีเพลง Skills จากวงฮิปฮอปชื่อ ‘Gang Starr’ ซึ่งในนั้นมันมีฉากพ่นกราฟฟิตี้ด้วย เราก็เลยชอบแล้วมาลองหัดเขียนดู เขียนมั่วๆ แหละ หลักจากนั้นเราก็ไปเจอเพื่อนชื่อ ‘Berk’ ซึ่งตอนนั้นเขาก็ทำกราฟฟิตี้อยู่ด้วย เราก็เลยชวนมาทำด้วยกัน เดินบอมบ์ เดินเขียนไปเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้

Gumdik : เริ่มจากที่พี่ชายของเราเป็นคนผิวสี เขาก็โดนเหยียดอะไรมาบ้าง เขาก็เริ่มเห็นทางออกไปเจอวีดีโอเห็นพวกคนดำเต้น เราก็เริ่มซึมซับไปกับเขา สมัยก่อนพ่อของเราจะทำงานอยู่ที่ท่าเรือคลองเตย จะชอบเอาของเล่นแปลกๆ เอาสเก็ตบอร์ดจากเมืองนอกมาให้ ได้ดูวีดีโอพวกเอ็มวีต่างๆ ก็มีฉากกราฟฟิตี้อยู่เยอะ แล้วจู่ๆ พี่ชายเราก็มาเป็นช่างสัก ซื้อหนังสือ tattoo มาดู จำได้เลยตอนนั้นเราเจองานกราฟฟิตี้ของ ‘Seen’ ในหนังสือเป็นรูป Hulk กำลังต่อยกำแพง เราชอบมาก ก็เลยบอกกับพี่ชายว่าเรามาทำงานเพ้นท์แบบนี้กันดีกว่า ซึ่งตอนนั้นเนี่ยเราไม่รู้หรอกว่ากราฟฟิตี้แม่งต้องพ่น เราก็ใช้พู่กันเพ้นท์กันนี่แหละ หลังจากนั้นประมานปี 1999 – 2000 เราก็เริ่มพ่นอย่างจริงจังมากขึ้น

สไตล์ผลงานของแต่ละคน ?

Kang 444 : งานของเราจะเน้นไปที่สีสันและการตัดเส้น เราจะชอบพวก New School / Old School เราชอบหมด

Pong : เราทำ Letter ที่ใส่ดีเทลลงไปในฟอนต์ แล้วก็เรื่องของชุดสี หลังๆ เราก็จะมาสนใจทำเกี่ยวกับแบ๊คกราวน์มากขึ้น

Deio : สาย Letter พวก New School แต่บางคนก็บอกว่างานเราเป็นลูกผสมระหว่าง New School และ Old School แล้วก็จะเน้นไปที่ความสะอาดของเนื้องาน

Sira : เราทำฟอนต์ แต่จะใส่ Fill In ที่มาจากไลฟ์สไตล์ของเรา ก็พวกควันๆ จากที่เราเป็นคนชอบสูบ แล้วก็ผสมพวกงานระหว่าง Old School และกลิ่นอายจากโลโก้วงดนตรีเมทัลที่เราชอบ

Triple : ของเราจะเป็นงานฟอนต์ Easy Style เราเป็นคนชอบสีเยอะๆ แต่พวกฟอนต์ก็จะอ่านง่าย ไม่ซับซ้อน

Dizer : เราทำในแนวฟอนต์ Abstract Wild Style เน้นไปที่การใช้เส้นเยอะๆ และใช้สีที่มีการตัดกัน

Akie One : เราชอบฟอนต์ที่ดูเบสิคๆ มีการเชื่อมต่อกันง่ายๆ แล้วก็มีการใช้ลูกศร เราชอบงาน 2D มากกว่า เพราะมันดูเป็นกราฟฟิตี้จริงๆ ซึ่งมันก็คือ Style Foundation นี่แหละ เป็นอะไรที่ดูพื้นฐานไม่ยุ่งยาก เส้นตัดเส้น สีตัดสี ถ้าจะเพิ่มคาแรคเตอร์เข้าไปก็น่าจะเป็นพวกงานสไตล์บีบอย

Gumdik : งานของเราคือแนว West Coast Style

Jesus : ช่วงปี 2018 – 2019 เราจะชอบทำงานแนวพวก Back to Basic เราพยายามทำงานให้ดูเรียบง่าย การกลับสู่จุดเริ่มต้นมันทำให้เราได้เข้าใจอะไรมากขึ้น เรารู้สึกว่าเราอยากให้คนทั่วไปสนใจกราฟฟิตี้มากขึ้น เราเลยอยากทำงานให้มันอ่านออกได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ซึ่งพวกสีและเส้นเราจะเน้นไปที่ความชัดและสะอาด

แล้วพอมันเป็นกลุ่มขึ้นมาจริงจัง มันมีความรู้สึกยังไงบ้าง เช่นมีพลังมากขึ้นในการทำงานหรือมันต้องหมั่นสร้างงานบ่อยๆ ?

Jesus : คือกลุ่มเรา มันถูกเริ่มจากเรื่องราวที่ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น คือกลุ่มเรามันมีด้วยกัน 2 Gen อย่างตอน Gen 1 เราก็มีสมาชิกประมานนึง พอ Gen 2 อย่างทุกวันนี้มันก็เป็นอีกรุ่นนึง มันก็เลยข้ามจุดที่เราต้องมานั่งซีเรียสกันแล้วว่ากลุ่มกราฟฟิตี้แม่งต้องพ่นบ่อยๆ เพราะด้วยวัยด้วยประสบการณ์หลายๆ อย่าง มันไม่ได้ซีเรียสขนาดที่ว่าต้องพ่นทุกอาทิตย์ ซึ่งมันต่างจากเมื่อก่อนที่เราพ่นกันถี่มากๆ อย่างเวลาทำงาน กลุ่มเราจะมีความชัดเจนในเรื่องของธีม / คอนเซปต์และชุดสีต่างๆ เราก็จะมานั่งคุยกันว่าเราจะทำแบบไหนกันดี ซึ่งสุดท้ายแล้ว RUA มันคือครอบครัว เรารู้สึกสบายๆ กับทุกเรื่อง เราไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น

กราฟฟิตี้ที่แต่ละคนทำ เวลาทำงานเดี่ยวหรือทำเป็นกลุ่ม มันต่างหรือเหมือนกัน ?

Jesus : เอาจริงๆ มันก็ไม่ต่าง แค่พอเวลาเราทำกลุ่ม จะมีคนคอยเดินเช็คงานว่าจะลดหรือเพิ่มอะไร ขาดตรงไหนไปบ้าง แต่พอเวลาทำงานเดี่ยว เราจะช่วยกันดู จะคอยแนะนำ trick ใหม่ๆ เหมือนเราโตไปด้วยกัน เราช่วยกัน อย่างกลุ่มเรา เราจะมีคำว่า ‘เติมเต็ม’ ให้กันตลอด เช่น เฮ้ยเหนื่อยว่ะ ทำตรงนี้ไม่ได้ แต่เพื่อนเราสามารถมาเติมเต็ม มาช่วยเราได้ แบบนี้ไม่ถนัด เดี๋ยวกูมาทำให้

Gumdik : คืออย่างสมัยก่อน เราจะพ่นของใครของมัน พอเวลาพ่นร่วมกัน มันจะไม่แชร์กัน มันจะไม่สมดุล ซึ่งงานโปรดักส์ชั่นสมัยก่อน มันจะของใครของมันเลยนะ เพราะฉะนั้น RUA สำหรับผมคือการมาปาร์ตี้กันด้วยการพ่นสีสเปรย์ เราเป็นพี่น้องกันที่ช่วยเหลือกันตลอด อย่างเวลาทำงานร่วมกัน คนนี้สามารถทำได้แค่นี้ เราก็สามารถไปเติมเต็มให้กับงานของเขาได้

เวลาทำงานร่วมกัน พวกคุณมีระบบการทำงานกันอย่างไร ?

Kang 444 : อันดับแรกเราจะเครียร์กันเรื่องสีก่อน แล้วเราก็วางว่าใครทำฟอนต์ตรงไหน คาแรคเตอร์ตรงไหน

Sira : เราจะมีคู่สีด้วยในใจ แล้วเราก็จะมาแชร์กัน ดูจำนวนของสีว่าสีนี้กี่กระป๋อง

Gumdik : เวลาใครมีสีเยอะกว่า คนนี้มีน้อย เราก็จะมาแชร์กัน เราแบ่งสีกันใช้ได้หมด

ทุกวันนี้พวกคุณยังคงสร้างงานกันอยู่เรื่อยๆ บางคนทำมาก บางคนทำน้อย อย่างแกนหลัก Jesus คุณรุ้สึกยังไงบ้าง ?

Jesus : เราไม่ใช่แกนหลักอะไรหรอก เราผลักดันมากกว่า ด้วยจากการที่เราไปอีเว้นท์งานกราฟฟิตี้จากเมืองนอกอยู่บ่อยๆ เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ เราก็จะส่งรูปงานสไตล์ใหม่ๆ ไปให้กลุ่มเราดูว่าเราลองทำแบบนี้กันดูมั้ย ซึ่งเราทำได้ เราอาจจะดีกว่าด้วย ซึ่งในกลุ่มแต่ละคน มันมีสไตล์ที่ชัดเจนกันหมด แต่อีโก้ของแต่ละคนก็ไม่ได้สูงเลย อย่างตอนพ่นด้วยเราจะเอาสีมาเทรวมกัน ซึ่งเราไม่ได้สนใจหรอกว่า สีของใคร กูซื้อมากูต้องใช้ 10 กระป๋อง แบบนี้มันไม่ใช่วิถีของเรา วิถีเราคือกูพกมา 20 กระป๋อง กูใช้แค่ 5 พอ คือเราพยายามทำให้มันตรงใจพวกเราทุกคนมากที่สุด เพราะฉะนั้นการทำมากทำน้อยมันไม่เกี่ยวกัน

เอกลักษณ์ในกลุ่ม RUA ?

Deio : น่าจะเป็นเรื่องความสะอาดของงานและโทนสี

Jesus : ภาพรวมในงานของเรา เราจะพยายามให้งานไม่มีใครเด่นกว่าใคร เราขายความเป็นโปรดักส์ชั่นมากกว่า

แต่ละคนก็ประกอบอาชีพที่ต่างกันไป มันมีจุดอะไรที่เชื่อมโยงพวกคุณเข้าหากันกับความเป็นกลุ่มกราฟฟิตี้ ?

Jesus : น่าจะเป็นในเรื่องของนิสัย ที่เรียบง่ายสบายๆ ไม่คิดอะไรมาก วันๆ นึงเราคุยกันในกลุ่ม ไม่มีอะไร ส่งรูปโป๊ให้ดู เราเป็นกลุ่มชายล้วนด้วย ผู้ชายมันชอบเรื่องแบบนี้กันอยู่แล้ว ซึ่งเราก็จะใช้ตรงนี้แหละเป็นเรื่องสมานฉันท์ เหมือนเราละลายพฤติกรรมกัน

Triple : เรื่องงานยังไม่เครียดเท่าเราส่งรูปโป๊มาแข่งกัน คือเราคบกันได้ เพราะนิสัยเรามันเหมือนกัน สบายๆ ไม่มีใครมาซีเรียส

Kang 444 : แต่ละคน ก็จะเจอเรื่องเครียดๆ กันอยู่แล้ว เราส่งรูปสวยๆ งามๆ มันก็ทำให้เรามีความสุข

ทุกวันนี้กราฟฟิตี้ก็เกิดขึ้นมามากมายทั้งไทยและต่างชาติ มันสร้างผลกระทบกับพวกคุณยังไงบ้าง ?

Kang 444 : อย่างงานต่างชาติที่เราเห็นมา เหมือนเป็นอาจารย์ เราได้เรียนรู้หลายๆ อย่าง มันได้ต่อยอดและพัฒนาฝีมือของเราไปด้วย

Deio : พอเราได้ไปพ่นที่ต่างประเทศ เรารู้สึกสนุกและตื่นเต้น มันเหมือนเราได้แชร์อะไรซึ่งกันและกัน มันไม่ได้มีความแตกต่างกับสิ่งที่เราเคยทำกับกลุ่มของเรามากเท่าไหร่ ซึ่งก่อนหน้านี้เราอาจจะมองไม่ออกว่ามันจะเป็นยังไงเวลาไปพ่นที่ต่างประเทศ

Triple : เดี๋ยวนี้มันมีอินเตอร์เน็ตแล้ว เราได้เห็นมากขึ้นและง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งสมัยก่อนเราจะหาดูงานกราฟฟิตี้แต่ละทีก็หาดูยาก จนทุกวันนี้มันเปิดโลกให้กับเรา สไตล์ / การใช้สี ทุกวันนี้เขาทำอะไรกันไปบ้าง เทคนิคแต่ละอย่างที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้

Dizer : กลุ่มกราฟฟิตี้เวลามาจอยกัน มันจะเกิดการ Exchange กันตลอด แล้วมันก็จะพัฒนาวงการทั้งศิลปินและผลงาน

Akie One : มันทำให้เราต้องทำทุกวัน กราฟฟิตี้ทั่วโลกมันเกิดขึ้นและลาตายกันอยู่ตลอด คนที่ทำอยู่จริงๆ มันก็จะมีประโยชน์กับพวกเรา ได้เรียนรู้ ได้ศึกษา

Gumdik : ทุกวันนี้เราไม่ได้คิดอะไรแล้ว ขอแค่เราทำกราฟฟิตี้แล้วมีความสุขก็พอ

ความประทับใจของแต่ละคนที่มีต่อกลุ่ม RUA ?

Gumdik : เราประทับใจทุกคน เพราะทุกคนมาอยู่กันด้วยใจ ไม่มีอคติต่อกัน

Akie One : สำหรับเราแล้ว รู้สึกว่าเหมือนมีที่สิงสถิต เหมือนมีศาลเจ้า เราโอเคและมีความสุขที่จะมาจอยกับกลุ่มนี้

Dizer : พวกเราแต่ละคน มีความรักที่เหมือนกัน นั่นก็คือกราฟฟิตี้ กลุ่ม RUA ดึงทุกคนมารวมกัน เราจะมีเป็นความครอบครัวมาก

Triple : เราอยู่ด้วยกันมานาน รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว ทุกคนเรื่องของนิสัยมันเข้ากันได้หมด มันทำให้เรามีความสุข

Sira : มันทำให้เราได้เจอกับเทคนิคใหม่ๆ จากเพื่อน พี่น้อง พวกเราช่วยกันหมด

Deio : แต่ก่อนเราจะพ่นก็ทำคนเดียวมาตลอด แต่พอมีกลุ่มมันมีพลังและความรู้สึกที่ดีที่มีต่อกัน

Pong : กลุ่มนี้มันคือครอบครัว พี่ๆ ทุกคนให้ความรู้เรา สอนเราในเรื่องต่างๆ มากมาย ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้อยู่ในกลุ่มนี้

Kang 444 : เวลาไปพ่นสีด้วยกัน มันทำให้เรามีความสุข

Jesus : เราพยายามที่จะให้มันเก่งไปด้วยกัน จากการพ่นคนเดียวมันไม่ได้เท่าไหร่ แต่พอเวลามันทำกันเป็นกลุ่ม มันทำให้เราได้เรียนรู้เป็นขั้นตอนเลยนะ คือเราจะรู้ว่าคนในกลุ่มเราทำงานอะไร แบบไหน เทคนิคอะไร เราจะคอยแชร์และแลกเปลี่ยนกันตลอด อย่างเวลามีศิลปินเมืองนอกอยากจะจอยกับงานใครซักคน เราก็จะบอกว่าถ้าคุณจะจอย คุณต้องจอยกับครอบครัวเราด้วย

คุณรับสมาชิกเข้ามาใหม่กันอย่างไร / เช็คจากอะไรหรือต้องมีบททดสอบ ?

Jesus : เราดูจากการที่เขาทำงานจริงๆ ชอบในสิ่งนี้จริงๆ 30 % คือการเสพกราฟฟิตี้ ไม่ว่าจะเป็นการสเก็ตซ์ / ดูงานกราฟฟิตี้ เพราะอย่างสมาชิกเรา อย่างพี่เก่ง (Kang 444) ตอนกลางวันขายก๋วยเตี๋ยว ตกดึกเขียน blackbook อย่างพี (Pong) พ่นกราฟฟิตี้ด้วย ชอบถ่ายรูป แต่อีก part นึงก็ชอบ bnk 48 อย่างกิ๊ก (Gumdik) เขาก็จะเป็นช่างสัก ซึ่งงานกราฟฟิตี้มันก็จะมีอยู่ในรอยสักด้วย สุดท้ายแล้วเนี่ย การจะเข้ามาอยู่ด้วยกัน คุณต้องเอ็นจอยกับพวกเรา คุณต้องมีความสุข อย่างล่าสุดเราก็ได้ Member จากจีนเข้ามาอีก 1 คน ชื่อ ‘Touchy’ เป็นพนักงานในโรงงานสี 2 ยี่ห้อ เรารู้จักกันมา 3 – 4 ปีล่ะ เขาก็ดูเรา เราก็ดูเขา จนล่าสุดเรามาเจอกัน แลกสติ้กเกอร์กัน เขาก็เห็นว่ามันมีคำว่า RUA อยู่ในสติ้กเกอร์เรา เขาก็ถามว่ามันคือ local crew เหรอ เราก็บอกใช่ เรามีเฉพาะคนไทย เขาบอกว่าอยากจอยด้วย เราก็โอเค แต่เขาก็ถามกลับว่าทำไมถึงโอเค เราก็บอกว่าเพราะคุณมาไทยบ่อย เพื่อนๆ ในกลุ่มรู้จักคุณกันหมด

ทุกวันนี้กราฟฟิตี้ให้อะไรกับพวกคุณบ้าง ?

Kang 444 : กราฟฟิตี้ให้เพื่อน ได้มิตรภาพ ให้อะไรในสิ่งที่เราชอบ

Deio : กราฟฟิตี้ให้เราเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ เราได้เห็นศิลปะก็จากงานกราฟฟิตี้นี่แหละ

Pong : กราฟฟิตี้ให้เราหลายอย่าง ทำให้เราได้คิดและทำอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา

Sira : กราฟฟิตี้ให้เงินและมิตรภาพ มันทำให้เราเปิดโลกกว้าง เวลาที่เราได้ไปพ่นที่นั่นที่นี่

Triple : กราฟฟิตี้คืองานอดิเรกสำหรับเรา

Dizer : กราฟฟิตี้ให้มิตรภาพ มันหล่อหลอมทุกอย่างจนเป็นตัวเราที่สุด   

Gumdik : มันทำให้เราได้รู้จักตัวตน เรามีลายเส้นเป็นของเราเอง ให้การงานที่เราทำ หล่อเลี้ยงเราให้เป็นในทุกวันนี้

Akie One : มันสร้างความเข้มงวดให้กับตัวเราเอง ถ้าเรายังอยากจะทำอยู่นะ

Jesus : กราฟฟิตี้ให้กำเนิด Jesus มันทำให้เราได้รู้จักกัน มันได้ทั้งงาน ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเพื่อน ได้ไปเผชิญโลกใหม่ๆ ที่เราไม่เคยไป เราสนุกไปกับทุกๆ อย่างที่เราทำกราฟฟิตี้ ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่แค่ในฐานะ Writer อย่างเดียว เราผลักดันวงการด้วยอีเว้นท์ต่างๆ / เราทำ Business ในเรื่องของสีสเปรย์ด้วย

 

credit pic : @no.jpeg / @ppongser

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Back To Top