ถ้าคุณอยากรู้เรื่องราวในอดีตของวงการกราฟฟิตี้ในบ้านเรา นี่คืออีกหนึ่งศิลปินในหลายๆ คนที่เราอยากแนะนำ ‘Lans’ กราฟฟิตี้อาร์ทติสต์ชาวไทย กับมุมมองตลอด 16 ปี ในบทสัมภาษณ์ที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อและความรักที่เขามีต่องานกราฟฟิตี้
จากจุดเริ่มต้น คุณสนใจงานกราฟฟิตี้จากอะไรและเพราะอะไร ?
ชอบสเก็ตบอร์ด เลยดูแม็กกาซีนสเก็ตเมืองนอก แล้วเห็น graffiti ตามกำแพงที่ถ่ายติดมา แล้วมันดูสวยดี แต่ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าเรียกว่าอะไร จนมาเข้ามหาวิทยาลัย ก็เริ่มฟังเพลงฮิปฮอป ฮาร์ดคอร์ จนรู้จักเพื่อนคนนึงมันก็ชอบฟังเพลงแบบที่เราชอบเหมือนกัน เลยคุยๆ กันแล้วมันก็เล่นสเก็ตด้วย แล้วมันก็มีรูป graffiti ที่มันตัดเก็บไว้จากแม็กกาซีนมาให้ดู แล้วนั้นคือจุดเริ่มต้นเลยทำให้รู้จักว่าเนี่ย ‘GRAFFITI’
จากแรกเริ่มที่คุณสนใจ ช่วงเวลานั้นคุณมองว่า ‘กราฟฟิตี้’ คืออะไร ?
Graffiti ในความเข้าใจตอนนั้นก็คือ สีสเปร์ยพ่นบนกำแพง เป็นคำ เป็นรูป
แน่นอนเลยว่าช่วงนั้นกราฟฟิตี้เป็นสิ่งที่ใหม่มากๆ อยากให้คุณช่วยเล่าบรรยากาศต่างๆ ตอนนั้นของวงการกราฟฟิตี้ในบ้านเราให้ฟังหน่อย ?
ใช่ใหม่สุดๆ ตอนนั้นเวลาจะไปฉีดที่ไหน แค่ไปบอกคนแถวนั้นว่า ผมจะเพ้นท์รูป ใช้สีสเปร์ยเพ้นท์ เอารูปตัวอย่างให้ดูว่าเป็นแบบนี้นะ แค่นั้น พ่นได้สบาย คนดูเพียบ..ยิ่งมีฝรั่งไปด้วยนี่ สบายใหญ่ ตอนนั้นมันดูไม่มีปัญหาอะไรเลย
แล้วอย่างชื่อแท็ค ‘Lans’ มีที่มาที่ไปยังไงบ้าง คุณก็เริ่มใช้ตั้งแต่แรกเลยใช่มั้ย ?
เป็นความบังเอิญ แรกเลยจะใช้คำว่า Lads แต่จำตัวสะกดผิด เป็น Lans แล้วสเก็ตคำนี้ไปแล้วเยอะด้วย เลยปล่อยไหล
ในอดีตตอนนั้น มีการนัดกันไปพ่นหรือไปบอมบ์กันบ่อยมั้ย ผมว่าตอนนั้นคงเป็นอะไรที่น่าสนุกแน่ๆ เลยใช่มั้ย เพราะเหมือนกับว่ากระแสยังไม่บูมมาก มันเป็นอะไรที่ใหม่กับศิลปินและสังคมมากเหมือนกัน ?
ตอนนั้นที่เริ่มรู้จักกับ crew อื่นๆ ก็มีนัดไปฉีดกันทุกอาทิตย์นะ มีการนัดกันว่าจะไปที่ไหนดี มีใครไปเจอที่ใหม่ๆ ก็นัดกันไป สนุกมากตอนนั้น เที่ยงจนมืดจนไปเที่ยวต่อกลางคืนอีก
ช่วงนั้นมีประมาณกี่กลุ่มที่ทำ แล้วมันมีการฉกชิงพื้นที่หรือการต่อสู้ด้วยกราฟฟิตี้ระหว่าง crew ด้วยกันมั้ย ?
ตอนนั้น มีไม่เยอะ crew นะ ส่วนใหญ่ก็รู้จักกัน ไม่ค่อยแย่งที่กันเท่าไหร่ อย่างว่า crew น้อย แต่ที่เยอะอยู่ทำที่ไหนก็ได้ ยกเว้น spot ที่มันเด่นๆ hotๆ ก็อาจจะมีแย่งกันบ้าง
มาที่ผลงานของคุณ ช่วงตอนนั้นเริ่มทำด้วยสไตล์ไหน ?
ตอนนั้นก็จะเป็นตัวอ่านง่ายๆ ก่อน เป็นตัวๆ ไม่พันกันเยอะ แล้วค่อยเปลี่ยนสไตล์ไปเป็นฝั่ง LA บ้าง
ช่วงเวลานั้นแรงบันดาลใจในการทำกราฟฟิตี้คือสิ่งใด ?
ตอนนั้นแรงบันดาลใจคงไม่มี คือ ชอบ graffiti เพราะมันได้ฉีดสี ฉีดแล้วเหมือนมันได้ปล่อยอะไรบางอย่าง
จากแรกๆ จนถึงตอนนี้ ความสนใจต่องานกราฟฟิตี้ของคุณก็ยังไม่ลดลง คุณก็ยังทำอยู่ เเต่มีอีกอย่างนึงที่ผมสนใจคือตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ คุณทำฟอนต์เป็นภาษาไทยด้วย อยากให้ช่วยเล่ามุมมองหรือบอกคอนเซปต์ถึงการทำฟอนท์ภาษาไทยให้ฟังหน่อย ?
แรกเริ่มผมทำเป็นภาษาอังกฤษ พอนานเข้ามันเริ่มอิ่ม เริ่มตันบวกกับเรามีภาษาไทยเป็นของเรา ทำไมเราไม่ฉีดเป็นภาษาไทยบ้าง แถมท้าทายอีก เพราะภาษาไทยมันมีสระ มีหัว มันเขียนบรรทัดเดียวไม่ได้ มันท้าทายมาก จากเริ่มฉีดเป็นชื่อ ‘แลน’ แล้วมันคิดต่อไปอีกแล้วถ้าเราพ่นภาษาไทยคำอะไรก็ได้ล่ะ ฉีดคำอะไรก็ได้ที่ไม่จำต้องเป็นชื่อ แต่คนเห็นแล้วเขารู้ว่าเนี่ย ‘แลน’ แม่งเป็นคนฉีด เฟี้ยวกว่าเดิมเข้าไปอีก
มันมีคำว่าอะไรบ้าง ที่คุณพ่นออกมาเป็นภาษาไทย พอจะบอกได้มั้ยครับ ?
พ่อมึงตาย รัฐบวยหัวคาน สตรีทอู๊ด ลอสระแอนอ เเละ ทรงพระเจริญ ครับ จำได้เท่านี้..
ในปัจจุบันนี้วงการกราฟฟิตี้พัฒนาไปไกลมาก เปลี่ยนแปลงหลายอย่าง คือเรียกได้ว่าวัฒนธรรมในยุคอดีต อาจจะแตกต่างจากยุคนี้ค่อนข้างมาก ทั้งศิลปิน, ผลงาน, รูปแบบ, มุมมองต่างๆ, กำแพง หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ที่ซัพพอร์ทและรองรับการทำงานที่มีมากขึ้น คุณมีความเห็นยังไงบ้าง ในฐานะที่คุณทำมาตั้งแต่อดีตและเห็นวงการนี้ที่เริ่มจากศูนย์มาก่อน ?
อยากให้เริ่มและเข้าใจพื้นฐานก่อน ทุกเรื่องแหละ อย่าว่าแต่ graffiti เลย ถ้าเข้าใจพื้นฐานหรือจุดเริ่มต้นได้ดีแล้วจะฉีดคำอะไรก็ได้หมด จะเขียนชื่อตัวเองก็ต้องรู้จักตัวอักษร ต้องสะกดคำเป็น เห็นหลายๆ คนที่สนใจ ชอบใจร้อน ข้ามสเต็ป โอเคเกิดมีพรสวรรค์ก็ได้ แต่บอกได้เลยจะตันเร็วมากแล้วจะทำให้เบื่อ ท้อ และเลิก
แล้วอย่างตอนนี้คุณทำอะไรอยู่บ้าง สเก็ตงานบ่อยมั้ยช่วงนี้ ใช้อะไรเป็นแรงบันดาลใจในการทำกราฟฟิตี้หรืองานสเก็ตบ้างมั้ยสำหรับช่วงนี้ ?
ตอนนี้ทำอาชีพค้าขายครับ สเก็ตงานเรื่อยๆ ยังคงพกสติ๊กเกอร์ ปากกา เขียนเสา ถังขยะ ป้าย กำแพงอยู่ ถ้ามีโอกาส มีเวลาก็ไปฉีดบ้าง ส่วนแรงบันดาลใจตอนนี้ คงเป็นสังคม เรื่องราวที่เจอผ่านทาง Facebook อะไรประมาณนั้น
กี่ปีแล้วตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ มุมมองและความคิดที่มีต่อกราฟฟิตี้ที่คุณทำ ยังคงเหมือนเดิมหรือแตกต่างยังไงบ้าง ?
16 ปีล่ะ มันแตกต่างไปทางความคิด เราโตขึ้น มีสติขึ้น มุมมองบางอย่างเปลี่ยนไป ง่ายๆ เริ่มมีกฏให้กับตัวเอง เช่น เออ ตรงนี้อย่าฉีดดีกว่า มันดูสะอาดไป อะไรประมาณนั้น
ช่วงยุคนั้นพวกสื่อต่างๆ ที่สนใจกราฟฟิตี้เยอะมั้ย เห็นจะมีนิตยสาร Daybed ด้วย ที่ทำ content เกี่ยวกับกราฟฟิตี้ด้วยและ Aday ปกโจอี้บอย ?
เยอะมากก ก็เหมือนที่ตอนนี้บ้าสตรีทอาร์ทแหละ แต่ต่างกันนะ คนฉีด Graffiti ในยุคนั้น คือคนที่ฉีด Graffiti ฉีดจริงอะไรจริง ตามกำแพง เพียงแต่สื่อจับไปเข้า event เพราะมันดูใหม่ มันเรียกร้องความสนใจได้ มีหนังสือพิมพ์ งาน fat งานเปิดตัวรถ เครื่องดื่ม ฉากมิวสิกวีดีโอ ก็เยอะนะ
ช่วงนี้ผลงานของศิลปินในบ้านเรายุคนี้ เป็นอย่างไรบ้างครับ เอาเท่าที่คุณพอได้สัมผัสมา ?
เก่งนะ แต่ก็ยังดูเดิมๆ อยากให้คิดอะไรกันให้เยอะๆ กว่านี้หน่อย แยกให้ออก ทำความเข้าใจหน่อย Graffiti คืออะไร Street art คืออะไร ไม่ใช่แม่งตัวสัตว์ประหลาดนู้นนี่นั่น สตรีทอาร์ทมันมีเยอะกว่านั้น ทำอย่างอื่นบ้างก็ได้ มันเล่นมันสื่อกับคนที่พบที่เห็น มันมีแนวคิดเเละที่สำคัญที่สุดคือมึงเดินอยู่บนถนนก็เห็น ไม่ใช่ต้องไปตามงานปาร์ตี้หรือในแกลเลอรี่
ผมเชื่อเลยว่าคุณยังคงทำงานกราฟฟิตี้ต่อไปอีกนาน และก็ยังคงมองวงการนี้อยู่ตลอด ผมเลยอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่คุณสนใจและอยากให้วงการพัฒนาด้วยสิ่งที่คุณคิดอยุ่ตอนนี้ ?
ก็อย่างที่บอกนะ ศึกษากันให้ดีๆ ก่อน แยกให้ออกว่าอะไรคืออะไร painting เป็นรูปสัตว์ประหลาด มันก็ไม่ได้หมายความว่าจะเรียกงานชิ้นนั้นว่า ‘street art’ นะ แม่งก็คือเพ้นท์ติ้ง นู้นเลยออกไปข้างนอก ไปทำเลย ทำข้างนอก ตามถนน
คุณยังคงคิดถึงอดีตตอนพ่นกับเพื่อนๆ หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนั้นบ้างมั้ย ถ้าเป็นไปได้อยากพูดอะไรให้สำหรับวงการตอนนั้นบ้าง ?
คิดถึงแน่นอน มันสนุก ทุกวันนี้เพื่อนสนิทผม ส่วนนึงมาจาก Graffiti เนี่ยแหละ ผมสนุกกับเพื่อนกลุ่มนี้กว่าเพื่อนที่มหาวิทยาลัยอีก ก็อยากจะบอกว่า ‘ค. ว. ย.’ ครับ คิด / วิเคราะห์ / แยกแยะ ว่าอะไรคืออะไร ศึกษาด้วยก่อนที่จะทำ
ช่องทางการติดตามผลงานของคุณ ?
www.bkkgraff.com และ ตามถนนหนทาง…..
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
*Follow : ติดตามผลงานของเขาได้ที่*
IG : Lans
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
Thank Interview : Lans
Credit Foto : Art Crime / Angelfire / Lans
xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx