Interview : ‘Floyd’ Experimental Of Painting skip to Main Content

Interview : ‘Floyd’ Experimental Of Painting

ด้วยลายเส้นที่ถูกสร้างเป็นคาแรคเตอร์บวกกับการทดลองในเชิงงานจิตรกรรม ทำให้งานของเขามีความโดดเด่น จนอาจจะบอกได้ว่างานของ ฟรอยด์ศิลปินจิตรกรรมร่วมสมัยและสตรีทอาร์ทติสต์จากจังหวัดขอนแก่น  คือศิลปินที่มีผลงานเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุดคนนึงในบ้านเรา เเละในครั้งนี้ที่เราจะมาฟังเรื่องราวของเขากับบทสัมภาษณ์ครั้งเเรก จากเเรกเริ่มจนปัจจุบันกับมุมมองต่างๆ ที่มีผลต่อการทำงานศิลปะของเขา

10

ตอนนี้คุณทำอะไรอยู่บ้าง ?

ตอนนี้หลักๆ ก็ทำผลงานเพื่อแสดงอยู่ครับ  แล้วก็มีทำงานศิลปะแนวทดลองกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่ขอนแก่นอยู่ครับแบบว่าเราก็สลับบทบาทกันลองเป็นผู้ชมบ้าง ลองเป็นภัณฑารักษ์บ้างลองเป็นศิลปินบ้างเพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมผลักดันในวงการศิลปะร่วมสมัยที่ขอนแก่น โดยรวมก็สนุกดีนะ

จุดเริ่มต้นที่คุณเริ่มมาสนใจทำงานศิลปะ ?

เริ่มต้นตอนแรกคิดว่าเมื่อเรียนจบทางด้านศิลปะมา ก็อยากจะลองทำงานอะไรที่มันตรงกับสายที่เรียนมาก็ลองทำหลายอย่างเหมือนกัน แรกๆ การทำงานตามสิ่งที่ลูกค้าต้องการเรารู้สึกว่ามันท้าทายดี แต่ทำไปสักพักเริ่มรู้สึกว่าไม่ชอบในสิ่งที่ตัวเองทำมันเหมือนการผลิตอะไรซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ และเริ่มจะน่าเบื่อ เลยหยุดเเล้วกลับมาทำงานศิลปะอย่างเดียวโดยไม่อิงกับระบบ Commercial ทีนี้พอยิ่งทำไปเรากับพบว่า มันมีอะไรที่สนุกยิ่งกว่าตอนที่เรียนหรือตอนทำงาน มันเหมือนเราได้ตรวจสอบสำรวจตัวเองมากขึ้น เลยพบว่าเราชอบที่จะคิดและทำงานสร้างสรรค์ จากจุดนั้นก็เลยทำมาตลอดจนถอยออกจากมันไปยากละครับตอนนี้

‘Floyd’ นี่คือชื่อคุณเลย ?

จริงๆ เราเป็นคนที่เพื่อนจะมีชื่อเรียกเราหลายชื่อมากแต่ชื่อ ‘Floyd’ นี้ที่มาคือเป็นชื่อที่เรียกกันในคณะตอนสมัยเรียนศิลปะ พอจบมาและเริ่มทำงานศิลปะก็คิดว่าน่าจะหาชื่อที่จะเอามาใช้ประกอบแทนตัวแบบที่มันเท่ห์ๆหน่อย ก็คิดเอาเองตามประสาวัยรุ่นจบใหม่ว่ามันน่าจะดี แต่ยิ่งหายังไงก็ดูประหลาดๆ แปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ แล้วก็ดูชีวิตมันจะประดิษฐ์มากไปหน่อย คิดไปคิดมาเลยเอาชื่อนี้ละกันง่ายดี แล้วเหมือนโชคชะตามันกำหนดมาแล้วให้มันเป็นชื่อเราด้วย อีกอย่างก็จำง่ายดีใครก็รู้จักเราชื่อนี้ด้วย ก็เอาเลยละกันซึ่งจริงๆ ตอนเรียนผมไม่ชอบชื่อนี้เลยนะ แต่พอมาตอนนี้ก็ชอบเเล้วเเหละ

13458742_262454844123820_3911547104997497047_o

แรงบันดาลใจในการทำงานของคุณ ?

แรงบันดาลใจหนึ่งคือการที่ครอบครัวเปิดโอกาสให้เราได้คิดและทำในสิ่งที่เราเชื่อและคิด มันเหมือนเป็นแรงผลักดัน ให้เราต้องทำงานทุกอย่างให้เป็นงานที่ดีทำอย่างเต็มที่ให้ได้ เพื่อตอบแทนในโอกาสที่เขาได้ให้กับเรามันเลยเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานอย่างหนึ่ง เเละอีกอย่างก็มาจากการที่ได้พบเจอเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตทั้งของตัวเองและคนรอบๆ ตัว ทำให้เกิดเป็นมุมมองและความคิดในการทำงานว่าเราอยากจะพูดสิ่งไหนบอกอะไรผ่านทางงานศิลปะของเราได้บ้างและการเห็นศิลปินหรือบุคคลที่เราชื่นชมหรือชอบ ยังคงทำงานศิลปะอยู่อย่างเสมอก็เป็นแรงบันดาลใจให้เราเหมือนกัน

วิธีในการคิดงานของคุณ ช่วยเล่าวิธีคร่าวๆ ให้เราฟังหน่อย ?

ส่วนตัวผมจะเป็นคนที่ชอบฟังคนอื่นพูดหรือจะเรียกว่าพวกไม่ค่อยมีบทบาทพูดในวงเท่าไหร่ แล้วก็ชอบอ่านข่าว แล้วก็คิดกับตั้งคำถามต่อสิ่งต่างๆ ที่พบเจอกับตัวเองอยู่เสมอว่า เอ้ย ! ใช่มั้ยวะ ? ใช่เหรอ ? ไม่ใช่เหรอ ? ถูกผิด ? งั้นอะไร ? เป็นไง ? แต่ไม่ใช่ขนาดเจ้าหนูจำมัยนะ แล้วทีนี้มันเหมือนเรามีคำถามมีวัตถุดิบทางความคิดแล้วเราก็ค่อยมาแยกๆ มันออกมาด้วยรูปแบบวิธีการทำงานต่างๆ เพื่อหาคำตอบ

ผลงานของคุณส่วนใหญ่ จะเป็นลายเส้นผสมคาแรคเตอร์ แล้วอะไรคือเสน่ห์ที่คุณสนใจ ?

เดิมทีผมค่อนข้างที่จะมีความมั่นใจในทักษะทางศิลปะของตัวเองนะเพราะคิดว่าตัวเองใช้เวลากับการฝึกฝนมาค่อนข้างเยอะตั้งแต่สมัยเรียนแต่เอาจริงพอได้เริ่มที่จะทำงานศิลปะอย่างจริงจังในผลงานตัวเอง คนอื่นอาจจะมองว่ามันดีนะแต่ผมกลับมองว่าล้มเหลวไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อมองย้อนกลับมาดูงานเก่าๆ ของตัวเองผมจะรู้สึกว่ามันตลกแล้ว ก็อ่อนหัดมากผมจึงคิดหาทางว่าจะทำอย่างไรให้ผลงานมันเกิดความพอใจกับตัวเราให้ได้ ผลงานในช่วงแรกของการทำงานเส้นในงานผมสังเกตุว่าเส้นผมค่อนข้างจะสะเปะสะปะเยอะเกินความจำเป็นแค่วางไป ตามน้ำหนักธรรมดาตามทักษะ แต่ขาดซึ่งความมีเสน่ห์หรือความน่าดึงดูดในตัวงานตรงนี้ผมมองว่ามันคล้ายกับสิ่งที่เขาเรียกว่ากันว่า ขาดความเซ็กซี่นั่นแหละ ขาดความมั่นใจในการวางจังหวะหรือความพิเศษบางอย่าง ซึ่งตรงนั้นอาจจะสะท้อนถึงความสับสนในตัวตนของตัวเอง ในช่วงแรกที่ขาดความมั่นใจแต่พอเราจับสไตล์ตัวเองได้จากการฝึกฝนสำรวจใจตนเองได้ ทีนี้ก็เหลาลับคมให้มันคมยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนางานของเราเองให้ดีขึ้นเพื่อรองรับแนวความคิดของเราให้ได้ นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ผมอยากจะทำ

12

หลักๆ เเล้วคอนเซปต์ในงานของคุณคือ ?

เอาจริงๆ นี่คือผมปล่อยวางเรื่องคอนเซปต์ไปแล้วล่ะ เมื่อก่อนอาจจะมีบ้างแต่หลังๆ มาผมคิดว่ามันเป็นกับดักทางความคิด ให้ติดหล่มให้ไม่สามารถพัฒนางานต่อเพราะมัวแต่กังวลเรื่องคอนเซปต์โน่นนี่ แค่อยากจะพูดเรื่องไรก็พูดออกไปเลยแต่ก็ต้องนำเสนอแบบมีชั้นเชิงหน่อยมีลูกล่อลูกชน

แต่งานของคุณเท่าที่ผมดู มันจะมี signature ของคุณอยู่นะ คุณพอจะอธิบายเรื่องราวเหล่านี้ให้เราฟังได้มั้ย ?

ก็จากคำถามเมื่อกี้แหละครับหลังจากที่ผมวางเรื่องคอนเซปต์ทิ้งไปแล้วก็เหมือนผมจะลบตัวตนผมไปล่ะ ทีนี้ผมก็ไม่ต้องสนใจอะไรอีกต่อไปผมก็ย้ายความสนใจไปสู่เรื่องเนื้อหาของสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อสารอย่างเดียวแล้ว นั่นก็คือสิ่งที่ผมคิดและพูดจะเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ อะไรก็ตามแต่ แล้วผมก็เอาสไตล์ของผมมาเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดความคิดเรื่องราวที่ผมต้องการจะสื่อสารระหว่างผมกับผู้ชมซึ่งนั่นอาจหมายถึง Signature ผมก็ได้ คือวิธีการคิดที่จะแสดงผลและเหตุผลที่เหลือก็เป็นพื้นที่อิสระให้ผู้ชมไปตีความกันเอง

 แล้วคุณก็เริ่มทำงานบนถนนอย่างจริงจัง  อะไรคือแรงบันดาลใจหรือสาเหตุที่ทำให้คุณออกไปทำงานบนกำเเพง ?

ด้วยว่าเราเล่น BMX กับ Skateboard ตั้งแต่เด็กทำให้เราได้เห็นศิลปะและวัฒนธรรมพวกนี้ตั้งแต่เด็กจนโตเหมือนเป็นเรื่องปกติ ตัวเราจึงไม่เคยปฎิเสธพวกวัฒนธรรมที่อยู่ในนั้นเหมือนอยู่ในวิถีชีวิตของเราแล้วโดยอัตโนมัติ และถ้าเราจะทำงานศิลปะของเราสื่อสารสารออกมาในรูปแบบใดแบบหนึ่งศิลปะแบบซับคัลเจอร์นี่แหละก็ดูเหมาะสมที่สุดเพราะมันก็คือตัวของเราเองและเป็นสิ่งที่เราคิดว่ารู้จักมันดีพอ แต่ว่าเหตุผลก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะแน่ใจได้ว่าถ้าเราเอาแต่คิดแล้วทำงานอยู่คนเดียวมันก็คงไม่มีใครเห็นหรือเข้าใจเราแน่ๆ และด้วยสังคมสภาพแวดล้อมของผมที่อยู่ต่างจังหวัดหรือจะเรียกว่าบ้านนอก มันก็มีแต่ศิลปะที่เป็นแบบอะคาเดมี่หรือเชิงวัฒนธรรมประเพณีการที่เราจะคิดหรือทำในสิ่งที่แตกต่างเราจะถูกมองว่าแหกคอกทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่เข้าใจและไม่พยามทำความเข้าใจหรือเข้าใจบ้างแต่น้อย ไม่เป็นที่ยอมรับกลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เราอยากจะพูดหรือแสดงออกในความชอบความคิดของเราถูกปฎิเสธจากบริบทรอบข้าง คำถามก็ตามมาทีนี้ ทำไมเราไม่ได้พูดในสิ่งที่เราเป็น นั่นเป็นหน้าที่ของศิลปะรึเปล่า การแสดงออก สิทธิเสรีภาพทางความคิด การทำงาน ออกไปทำสิ ทำให้เขาเห็นว่าคุณเป็นใคร คุณแน่แค่ไหน นั่นแหละน่าจะเป็นจุดแรกเริ่มที่คิดรวมกลุ่มกับเพื่อนในชื่อ ‘DUDE-FACTORY’ และเริ่มออกไปทำงานข้างนอก

12031989_673235162808384_119623087021994590_n

10456459_466559826809253_1672729888346289298_n

มันแตกต่างกันแน่นอนระหว่างงานศิลปะบนถนนกับ canvas ที่คุณทำ เราอยากรู้ว่ามันแตกต่างยังไงตามมุมมองของคุณ ?

ในมุมมองของผมงานที่เป็น stree art จริงๆ ควรจะเป็นเรื่องที่เป็นมุมมองสาธารณะนะหรือเรื่องที่เปิดกว้างในการแสดงทัศนคติต่างๆ ในเรื่องที่มีแนวความคิดเรื่องส่วนรวมเป็นสาธารณะโดยที่ผู้ชมผลงานมีส่วนร่วมในการตีความหมายเองอาจเป็นเรื่องที่มาจากประสบการณ์ทรรศนะจากตัวศิลปินเองที่สร้างงานหรือสถานการณ์ต่างๆ ในสังคมเพื่อสะท้อนหรือกระตุ้นอะไรบางอย่างบางประการในพื้นที่นั้นๆ สังคมบริบทนั้นๆ เพราะมันอยู่พื้นที่ๆเป็นสาธารณะ ส่วนเรื่องบนแคนวาสนั้นคุณสามารถแสดงพลังทางความคิดของคุณได้อย่างเต็มที่เพราะมันเป็นสเปซของคุณเองจะทำอย่างไรกับมันก็ได้

คาแรคเตอร์ของคุณส่วนใหญ่ จะเป็นรูปคน อะไรคือสิ่งที่คุณใช้คนเป็นตัวสื่อความหมายของคุณออกมา ?

ผมมีความสนใจในฟิกเกอร์ของสิ่งมีชีวิตต่างๆ อยู่แล้วอาจเพราะเราจบมาทางด้านประติมากรรมด้วยทำให้ต้องมองทุกๆ อย่างให้รอบด้านมีโครงสร้างไม่แบนราบมีน้ำหนักอากาศและมุมมองที่แตกต่างและในฟิกเกอร์ของมนุษย์นั้นผมมองว่า มันเป็นอะไรที่โครงสร้างสวยงามลึกลับและใช้ในการสื่อสารได้ชัดเจนดีตรงประเด็นเข้าใจง่าย แต่ทั้งนี้ผมก็ไม่ได้ยึดติดหรอกนะแล้วแต่แนวความคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่กำลังสนใจมากกว่าแล้วตอบโจทย์ได้

อย่างช่วงปี 2015 ผมเห็นว่างานของคุณเริ่มพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปใช้เทคนิคแบบ stencil มากขึ้น และมีกลิ่นอายเหมือนงานสไตล์ pattern art ซึ่งผมว่าน่าสนใจดีนะแต่ผมอยากรู้ว่าอะไรทำให้คุณสนใจเทคนิคและรูปแบบเหล่านี้ ?

อย่างที่เล่าให้ฟังครับผมพยามจะพัฒนาตัวงานตลอดเวลาทั้งกระบวนการคิดและการฝึกฝนในเรื่องของทักษะก็ทำตลอด พยายามหาความสมบูรณ์เสน่ห์ความพิเศษสมดุลให้กับงานตลอดบางทีก็ลองใช้เทคนิควิธีการที่ต่างออกไปจากเดิมบ้างเพื่อ ให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นแต่ทั้งนี้มันก็มีทั้งข้อดีและเสียคือต้องคุมมันให้อยู่ถ้าคุมไม่อยู่นอกจากมันจะไม่ส่งงานให้ขึ้นไปแล้ว มันยังดึงให้งานแย่ลงอีกด้วย ทั้งนี้ก็เกิดจากการฝึกฝนและทดลองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ ตลอด

คุณว่า Street Art ในทุกวันนี้ เป็นยังไงบ้างตามมุมมองของคุณ ?

ถ้าในเมืองไทยผมว่าก็ดีครับได้รับการยอมรับวงกว้างมากขึ้นสังคมเปิดกว้างมากขึ้นแต่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นแค่กระแส กลัวมันจะมาเร็วไปเร็ว แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีนะดีกว่าไม่มีอะไรเลย เรื่องนี้ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตามครรลองของศิลปะ ยังไงก็จะเป็นเรื่องของการทำงานอยู่ดีครับต้องทำงานศิลปะ ไม่ว่าทำอะไรแขนงไหนก็ให้งานพูดแทนตัวเราดีกว่าเพื่อแสดงอะไรที่เราคิดแล้วถ้ามันจะทำให้สังคมมันดีขึ้นบ้างนั่นก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีนะ

6

5

3

 

อะไรคือสิ่งที่คุณได้รับ ในเวลาที่คุณออกไปทำสตรีทอาร์ท  ไม่ว่าจะจากสังคม, ผู้คน หรืออะไรก็ตามที่คุณได้รับมา ?

มันน่าแปลกใจอยู่นะ ในครั้งแรกผมมีความคิดว่าคนจะออกมาว่าด่าว่าผม ตำรวจคงจะมาจับแต่เชื่อมั้ยครับผมไม่เคยโดนด่าหรือโดนจับเลยสักครั้งในทั้งพื้นที่ที่ผมขออนุญาติแล้วหรือไม่ขออนุญาตินะ ผมทำงานอยู่มีคนซื้อข้าวซื้อน้ำมาให้ ตำรวจมาถามแต่ก็ชม เออๆ ดีๆ ทำเลยสิ่งที่ผมมองเห็นคืออะไรรู้มั้ย ทุกๆ คนมีความชอบหรือรักในงานศิลปะอยู่แล้วแต่เพียงแค่บางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจเขาจะมองว่ามันเป็นสิ่งแปลก ปลอมกับชีวิตเขา เขาก็จะกันสิ่งนั้นออกจากตัวเอง ภาพคนทำงานศิลปะในบ้านเราถูกฉาบด้วยทัศนคติที่คับแคบที่แสดงให้ศิลปะเป็นเรื่องที่สูงส่งจนเกินไป ถ้าไม่สูงเกินไปก็เป็นพวกไร้อนาคตเป็นเพราะเหตุนี้คนธรรมดาทั่วไปจึงมองว่าเป็นเรื่องยากเกินที่เขาจะเข้าใจ เขาจะปฎิเสธทันทีด้วย เพราะเป็นการป้องกันตัวตามสัญชาตญาณเพราะความไม่เข้าใจแต่กลับกันถ้าสิ่งที่เขาสามารถที่จะเข้าถึงเข้าใจและรู้สึกร่วมด้วยมีคนให้คำแนะนำสร้างความเข้าใจได้เขาก็พร้อมจะเปิดใจให้ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

กี่ปีแล้ว ที่คุณทำงานศิลปะมา มันเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนายังไงบ้างในงานของคุณ หรือรวมไปถึงวิธีคิดของคุณด้วยก็ได้นะ ?

ปีนี้เข้าปีที่4แล้วครับความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นหลายอย่างได้เจอผู้คนมากขึ้นสังคมที่กว้าง การเกิดการปฎิสัมพันธ์กันกับคนทำงานศิลปะกลุ่มอื่นๆ เยอะขึ้น ก็เกิดการแลกเปลี่ยนทัศนความคิดและประสบการณ์ก็ทำให้ระบบความคิดเราโตขึ้นด้วยก็ส่งผลให้งานเราพัฒนาไปด้วยในทั้งเนื้อหาและเทคนิค

นอกเหนือจากงานศิลปะที่คุณทำ คุณสนใจทำอะไรอย่างอื่นบ้างมั้ย ?

นอกเหนือจากงานศิลปะทำอยู่แล้วตอนนี้ผมก็กำลังสนใจเกี่ยวกับเรื่องศิลปะที่สามารถขยายขอบเขตไปในวงกว้างมากขึ้นคือผู้ชมสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและอินมีอารมณ์ร่วมไปด้วยได้มีความใกล้ชิดมากขึ้นแต่ไม่ถึงกับมีความซับซ้อนมาก อาจจะเป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่ว่าก็ไม่ถึงกับง่ายเกินไปที่จะนำเสนอหรืออะไรก็ได้

ในฐานะที่คุณทำงาน street art เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร อะไรคือสิ่งที่คุณอยากให้งานสายนี้เติบโตและพัฒนามากกว่าที่เป็นอยู่ ?

สิ่งที่อยากเห็นในวงการสตรีทอาร์ตบ้านเราคือการไม่กระจุกตัวแต่อยู่ในเมืองใหญ่ที่เดียว คิดว่าน่าจะเกิดการกระจายตัวของคนทำงานแนวนี้เพิ่มขึ้นในพื้นที่อื่นๆ บ้างซึ่งก็อาจจะเป็นได้นะ ผมสังเกตุเห็นนะว่าที่ไหนมีกราฟฟิตี้หรือสตรีทอาร์ตอยู่ในเมืองนั้นจะเป็นตัวชี้วัดได้เลยว่าเมืองนั้นมีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและศิลปวัฒนธรรมไม่น้อย แต่ก็ต้องอยู่ในระดับผลงานที่ค่อนข้างจริงจังในระดับหนึ่งนะซึ่งผมก็หมายความว่าอยากจะให้มันเป็นเช่นนั้นแม้ว่าจะเป็นไปได้ยากแต่มันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้มันอาจจะไม่ใช่การเกิดขึ้นเพราะกระแสหรือการโฆษณาทางการค้าทั้งหมด แต่เกิดจากที่คนที่รักชอบทำงานสตรีทอาร์ตหรือกราฟฟิตี้สร้างมันขึ้นมาเอง…..งงมั้ย

7

11046781_598000313665203_8774271251871628315_n

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

*Follow : ติดตามผลงานของเขาได้ที่*

FB : Floyd

IG : Floyd

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

Thank Interview : Floyd

Credit Foto : Floyd

xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Back To Top